Frecklesfamily แสดงความรู้สึกการทานอาหารกับครอบครัวยามเย็นอย่างมีความสุขที่ร้านอาหาร

ตั้งแต่สมัยโบราณมา การรับประทานอาหารเย็นร่วมกันในครอบครัวถือเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยและหลายประเทศทั่วโลก เพราะถือว่าเป็นเสมือนการที่สมาชิกครอบครัวมารวมตัวกันพร้อมหน้า นอกจากทานอาหารด้วยกันแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่แต่ละคนจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบต่อกัน บางครั้งก็มีแขกเหรื่อหรือญาติพี่น้องที่นานๆจะเจอกันที หรือเดือนละครั้ง มาร่วมโต๊ะด้วย

แต่ทราบไหมว่า มีการศึกษามาพอสมควรว่าการทานอาหารเย็นร่วมกัน ไม่ว่าจะที่บ้านหรือร้านอาหารนอกบ้าน มีส่วนช่วยเรื่องพัฒนาการของเด็กที่ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ผ่านทานโต๊ะอาหาร ซึ่งจะมีความเป็นธรรมชาติด้วย อีกทั้งคนเราเมื่อได้ทานอะไรอร่อยๆเข้าไป มันก็อยากที่จะพูดคุยสบายๆได้ออกรสออกชาติมากกว่าไม่มีอะไรเข้าปากเลย ส่วนการออกไปทานในร้านอาหาร ก็เป็นเหมือนการเปลี่ยนบรรยากาศด้วย การทานอาหารเย็นร่วมกันในครอบครัวเช่นนี้จึงเหมือนเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งครับ ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบทำอาหารเองได้พักผ่อนไปด้วย โดยฝากท้องไว้กับคนอื่นบ้าง

แล้วยังมีประโยชน์บางประการที่ช่วยให้ลูกหลานของเราได้เกิดการเรียนรู้ เช่น มารยาทบนโต๊ะอาหาร เมื่อเขาต้องออกมานอกบ้าน เพราะอยู่ที่บ้าน บางทีอยากจะทานยังไง เราอาจจะตามใจ แต่ถ้าข้างนอกแล้ว เด็กๆต้องปรับตัวและมีมารยาท จะโวยวายเอ็ดตะโรก็ไม่ได้

อีกทั้งการที่ลูกได้นั่งกินข้าวกับพ่อแม่เป็นประจำสม่ำเสมอ พ่อแม่ก็ย่อมสามารถควบคุมการกินอาหารของลูกได้ รู้ว่าลูกชอบกินอะไร ไม่กินอะไร เลือกกินอะไร ก็จะทำให้รู้ว่าลูกเราอาจขาดสารอาหารบางชนิดได้ บางคนอ้วนไป เราก็สามารถควบคุมอาหารบางประเภท หรือบางคนผอมไป ก็จะได้เพิ่มเติมอาหารที่เหมาะสม

ข้อสุดท้ายนี้สำคัญมาก คือเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างมื้ออาหารด้วยการพูดคุยกันมากขึ้น อีกทั้งบางครอบครัวที่ไม่มีเวลาแน่ชัด เพราะพ่อแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านตลอดเวลา ลูกๆเองก็ต้องไปโรงเรียน กว่าจะกลับบ้านก็ตอนเย็น หลายครั้งอาจจะไม่ได้อยู่ทานอาหารร่วมกัน เด็กๆไปทานเองในห้องส่วนตัว แล้วพ่อแม่กว่าจะกลับมาบ้านก็มืดค่ำ ไม่มีเวลาได้พูดคุยกันเท่าไรนัก นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีครับ เด็กที่อาจจะติดโทรศัพท์มือถือ หรือเอาแต่เล่นแชท ก็ต้องสนทนาโต้ตอบกับพ่อแม่ในเวลาที่ทานอาหารเย็นข้างนอกร่วมกันนี่แหละ จะลุกไปได้ไม่ได้ด้วย

หากเราสามารถปลูกฝังการรับประทานอาหารเย็นทั้งครอบครัวร่วมกัน จะทำให้ช่วงเวลานั้นกลายเป็นช่วงที่สร้างความสุขและเสียงหัวเราะให้สมาชิกครอบครัว ได้ปรับทุกข์และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ หรือนำปัญหาส่วนตัว สิ่งที่ได้พบมาในแต่ละวันมาแบ่งปันกัน ไม่ว่าจะฝั่งพ่อแม่เองที่ต้องออกไปทำงาน หรือได้โอกาสพูดคุยและแลกเปลี่ยนข่าวสารบ้านเมือง เหตุการณ์ต่างๆ ลูกๆ ก็ได้บอกเล่าเรื่องราวที่โรงเรียน เพื่อนฝูง การเรียน ทำให้กล้าที่จะเปิดปากสนทนากันด้วย

ก่อนหน้าที่เราจะกลายเป็นพ่อแม่คน เราก็เป็นเด็ก และลูกของพ่อแม่มาก่อน ดังนั้นเราก็ควรนำสิ่งที่คิดว่าดี มาปรับใช้ในการอยู่ร่วมกับเด็กรุ่นใหม่ๆเช่นกันครับ